รีวิวหนัง มานะแมน ถึงเวลาของหนังตลกไทยเรื่องใหม่ล่าสุด กับชีวิตที่ไม่หวือหวา สะท้อนเรื่องราวชีวิตของกลุ่มคนที่ดิ้นรนเอาตัวรอดโดยไม่ยอมแพ้ ใน “มานะ แมน” ผลงานล่าสุดที่เป็นความร่วมมือกันระหว่าง ช่อง 3, เอ็ม พิคเจอร์ส และ เรรักษ์ ที่มองว่าชื่อของปรมาจารย์หนังตลกระดับตำนาน “ยอด รักษ์ชัย” ที่นั่งเก้าอี้ผู้กำกับฯ เป็นจุดขาย แต่ก็ให้ความรู้สึกและคำถามที่ว่า.. ยุคที่รุ่งโรจน์นั้นสิ้นสุดลงแล้วจริงหรือ? เรื่องราวของ มานะ ผู้ชายที่ไม่เคยยอมแพ้ต่อชีวิต ยอมทำทุกอย่างเพื่อหาเงิน แม้จะเป็นงานหลักล้าน แต่ได้เงินมาแค่ไม่กี่ร้อยบาท เพื่อหาเงินช่วยแม่ที่เป็นหนี้และน้องสาวที่ยังเรียนอยู่
แม้จะเหนื่อย มานะ ก็ไม่เคยยอมแพ้ต่อโชคชะตา แต่ชีวิตกลับไม่ง่าย เมื่อเผือก เพื่อนสมัยเด็กของมานะ ที่เคยถูกมานะทำให้ขายหน้า กลับมาอีกครั้งพร้อมกับการแก้แค้นในรูปแบบต่างๆ ที่จะทำให้มานะพ่ายแพ้ เป็นผลงานใหม่จากผู้กำกับที่อยู่ในวงการหนังไทยมานานอย่าง “ต้อม-ปิยพันธ์ เชื้อเพ็ชร” ซึ่งครั้งนี้เขาได้ก้าวเข้าสู่วงการใหม่หลังจากอยู่ในวงการมาทั้งชีวิต ทำหนังโทนมืดหม่นมาตลอด หันมาทำหนังตลกเต็มตัวเป็นครั้งแรก ต้องบอกว่าเป็นการลองฉายที่ยังเต็มไปด้วยรอยขีดข่วนและรอยฟกช้ำ เพราะมานะ มานอาจยังไม่ใช่ผลงานในอุดมคติของเขาก็ได้
และเช่นเคยกับปัญหาเดิมๆ ของหนังไทยที่มักจะล้มเหลวด้วยบทหนังที่อ่อนแอ มานะ มานมาพร้อมพล็อตเรื่องและประเด็นต่างๆ ของหนังระดับอนุบาล ไม่น่าเชื่อว่าหนังจะเอาปัญหาเดิมๆ มาบิดเบือนเป็นหนังแบบต่อเนื่อง แล้วให้จอยเติมบทพูดที่ดูเหมือนไม่มีบทพูดเข้าไป ให้ตลกมืออาชีพได้ปล่อยตัวและเล่นมุกเสริมหนังไปเรื่อยๆ ผลที่ได้ก็เหมือนละครก่อนข่าวที่ไม่ซับซ้อนเอาใจคนทำมาหากินด้วยบทหนังง่ายๆ ตื้นๆ ที่คลายเครียดได้สบายๆ
นอกจากนี้เขายังต้องเผชิญกับการจัดลำดับและตัดต่อของหนังที่แทบจะเป็นมาตรฐานเดียวกับจักรวาลหนังของพี่ป๊อด อานนท์ เทคนิคการร้อยเรียงหนังเรื่องนี้เข้าด้วยกันเป็นเหมือนซิทคอมที่เพิ่ม เพิ่ม เพิ่ม อย่างต่อเนื่องเช่นเคยจากฉากหนึ่งไปสู่อีกฉากหนึ่ง ทำให้จังหวะของหนังเหมือนเครื่องยนต์ที่ติดๆ ดับๆ อยู่หลายครั้ง ถึงแม้จะไม่แย่ แต่ก็ไม่ใช่องค์ประกอบที่ดี
บรรยากาศในโรงหนังที่ผมสัมผัสได้เป็นแนวตลกที่สามารถนับฉากที่ทำให้คนดูหัวเราะได้หมดทั้งโรง ไม่แน่ใจว่าจะเหมือนโรงหนังอื่นไหม แต่บรรยากาศที่ผมได้รับจากการดูตลกเรื่องนี้ค่อนข้างอึดอัด เหมือนเป็นหนังตลกที่ลืมใส่ความสนุกและความบันเทิงเข้าไป มุกตลกกลายเป็นมุกราคาห้าบาทสิบบาทที่สามารถดูย้อนหลังได้จากรายการทีวีและออนไลน์
นักแสดงของมานะมานดูเหมือนจะเยอะพอสมควร แต่เมื่อต้องรับมือกับบทที่วิจิตรงดงามทุกแง่มุมแบบนี้ นักแสดงแทบตายเลยทีเดียว “นายณภัทร” เกือบถูกหนังกลืนกินไปแล้ว ถึงแม้จะได้บทพระเอก แต่เขาก็กลายเป็นพระเอกที่ต่อสู้เพื่อชีวิตของตัวเอง แต่ไม่มีมิติอะไรให้คนดูอยากเชียร์ เป็นบทธรรมดาๆ ที่ดูเหมือนคิดถึงแค่ด้านเดียวของชีวิต ต่อสู้เพื่อคนอื่น แต่กลับลืมตัว ซึ่งน่ารำคาญ
หนังตลกความหมายดี รีวิวหนัง มานะแมน
ในบรรดาหนังตลกไทย เรื่องโปรดของผมคือ แซ่บสนั่น ไซน่า ดังนั้นเมื่อมีหนังเรื่องใหม่จากสตูดิโอเข้าฉาย ผมจึงคาดหวังว่าจะต้องเจอหนังที่สร้างความประหลาดใจครั้งใหญ่ เช่น “Bikeman” ที่มีช่วงเวลาที่น่าจดจำและฮาอยู่มากมาย “มะนาแมน” เป็นหนังตลกที่ดี อาจจะไม่ตลกในทุกมุก แต่ก็มีบางช่วงที่ตลกจนดูเบื่อในฉากใหญ่ๆ ความหมายหรือเรื่องราวที่หนังต้องการจะพูดถึงนั้นดีและจริงจังในเวลาเดียวกัน แต่การเล่าเรื่องธรรมดาอาจกลบคุณสมบัติที่ดีหลายๆ อย่างของหนังได้รีวิวหนัง มานะแมน
มะนาแมน เป็นเรื่องเกี่ยวกับมะนา ชายหนุ่มที่ต้องทำงานหนักเพื่อหาเงินมาจ่ายค่าใช้จ่ายของครอบครัว เพราะขณะที่น้องสาวต้องเรียนหนังสือ แม่ของเขาเป็นหนี้เป็นแสนๆ โชคดีที่เขามีเพื่อนดีๆ และคนรอบข้างที่ดี ทำให้เขามีพลังที่จะสู้ต่อไป แต่แล้ววันหนึ่ง เผือก เพื่อนสมัยเด็กที่ถูกมานะและเพื่อนๆ รังแกตั้งแต่เด็ก ก็โผล่มาแก้แค้นด้วยการขัดขวางงานทุกอย่างที่มานะทำจนไม่มีเงินเลี้ยงครอบครัว
โปสเตอร์และตัวละครดูไม่มีฉากซีเรียสเลย แต่ที่จริงเนื้อเรื่องของหนังเรื่องนี้ก็ยังเป็นอะไรที่หาดูได้ยากและหนักใจคนหลายๆ คน คนพยายามดิ้นรนต่อสู้ชีวิต แต่ชีวิตกลับสู้กลับหนักกว่า หนังมีข้อความที่โดนใจผมมาก ความหมายโดยรวมก็ทำได้ดีทีเดียว บางคนถึงกับรู้สึกว่าถ้าหนังลดความตลกลงแล้วเพิ่มความจริงจังเข้าไปอีกหน่อย มันก็จะเป็นหนังดราม่าที่ดีได้
แต่เพราะเป็นหนังตลกตั้งแต่ต้น พล็อตเรื่องหลายๆ เรื่องก็วางโครงเรื่องให้คลี่คลายได้ง่าย ไม่ซับซ้อน และเน้นที่จังหวะของมุกตลกซึ่งก็โอเคอยู่ ส่วนเนื้อเรื่องก็กระจัดกระจายมากขึ้น แต่ก็มีฉากตลกใหญ่ๆ 2-3 ฉากที่ทำให้หัวเราะไม่หยุด อย่างไรก็ตาม ความตลกก็เป็นเรื่องส่วนบุคคลเช่นกัน ฉันไม่อาจพูดได้ว่าทุกคนจะพบว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ตลก แต่สำหรับฉัน Manaman ในแง่ของหนังตลกเบาสมองที่ไม่มีมุกตลกหยาบคายทุกๆ 2-3 นาที ฉันถือว่าผ่าน และเป็นหนังตลกเบาสมองที่มีข้อคิดดีๆ ที่น่าดู
ด้านการแสดง
ขณะที่บทบาทของ “โอ๊ต ปราโมทย์” เต็มไปด้วยคำถาม สงสัยว่ารู้สึกแปลกหรือเปล่าเมื่อต้องแสดงบทนี้ แต่นี่เป็นบทบาทดราม่าคุณธรรมเรียบง่ายที่ถ่ายทอดออกมาอย่างตรงไปตรงมาไม่มีมุมคิดแม้แต่น้อย เป็นอีกตัวละครที่มีความคิดตายตัวอย่างเดียว ไม่ต่างจาก “จ่า นุงปาณี” ที่เป็นนางเอกในเรื่องนี้ แต่เป็นบทบาทที่ขาดเสน่ห์และความรู้สึกภายในอย่างน่าผิดหวัง แม้ว่าคนนี้ควรจะแสดงได้เต็มที่กว่านี้ แต่หนังจะใส่อะไรให้เธอเล่นบ้างนั้นผมไม่ทราบได้
มีเพียง “หนุ่ย ชูเกียรติ” เท่านั้นที่สามารถรับบทคนตลกและคนรับมุกได้อย่างราบรื่น เป็นตัวละครที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ “ก้อม ชวนชื่น” เคยทำได้ในฐานะตำนาน ความเป็นมืออาชีพของนักแสดงตลกมากประสบการณ์ทำให้เขาผ่านเรื่องนี้ไปได้อย่างง่ายดาย ถึงจะมีช่วงที่สมุนอย่าง “อาตัย สุภาทัต” กับ “กัส อัคพงศ์” อยู่ตลอด แต่พอมาร่วมมือกันทำมุกแบบสามทหารเสือ กลับดูหวั่นไหวและยิงอะไรที่ไม่ค่อยตลกสักเท่าไหร่รีวิวหนัง มานะแมน
สรุปแล้ว มานะมานเป็นหนังตลกชีวิตที่ไม่ตลกแต่พยายามทำให้ตลก เต็มไปด้วยองค์ประกอบที่ขาดหายไปและเต็มไปด้วยบาดแผล โดยเฉพาะบทที่แทบไม่มีน้ำหนักและความน่าสนใจ เนื้อเรื่องเรียบง่ายเกินไปจนไม่สามารถดึงดูดความสนใจของผู้ชมที่ควักเงิน 200-300 บาทเพื่อซื้อตั๋วชมภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ การสร้างตัวละครต่างๆ ออกมานั้นค่อนข้างจะแข็งทื่อและไร้วิญญาณ ทำให้นักแสดงหลายคนหายไปจากภาพยนตร์ซึ่งน่าเสียดาย จุดเด่นอยู่ที่การผูกโยงผลิตภัณฑ์ในภาพยนตร์เรื่องนี้ ซึ่งน่าจะเป็นสิ่งที่ชัดเจนที่สุดที่ผมจำได้ในภาพยนตร์เรื่องนี้